น่าจดจำ ศึกฟุตบอลชิงชนะเลิศแห่งชาติยุโรป หรือยูโร2020 จบลงไปอย่างเป็นทางการ รวมทั้งเปลี่ยนเป็นอิตาลี

น่าจดจำ ศึกฟุตบอลชิงชนะเลิศแห่งชาติยุโรป หรือยูโร 2020 จบลงไปอย่างเป็นทางการ รวมทั้งเปลี่ยนเป็นอิตาลี ซึ่งสามารถจ้าวยุโรปเป็นสมัยลำดับที่สองในประวัติศาสตร์ ข้างหลังเอาชนะ อังกฤษ

สำหรับการดวลจุดลูกโทษในนัดหมายชิงแชมป์ เมื่อคืนนี้วันอาทิตย์ที่่ผ่านมา แน่นอนว่าในศึกยูโรคราวนี้นั้นต่างมีโมเมนต์ แล้วก็เหตุที่น่าดึงดูดเกิดมากมาย ซึ่งสร้างความฮือแก่คอลูกหนังทั้งโลก

แล้วก็หากว่าแวดวงฟุตบอลจะได้รับผลพวงจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงแหระเกิดขึ้นไปทั่วโลกเวลานี้ แม้กระนั้นท้ายที่สุดทัวร์นาเมนต์ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นก็สามารถผ่านไปได้ด้วยดี

วันนี้พวกเราเก็บรวบรวม 5 เรื่องราวที่น่าดึงดูดในศึกยูโร 2020 มาฝากแฟนคลับกัน สถานะการณ์สุดช็อกตั้งแต่ครั้งแรก ภายหลังจากศึกยูโร 2020 ลงฟาดลำแข้งกันได้ไม่นานก็เกิดเหตุการณ์สุดช็อกให้แฟนบอลทั้งโลกได้มองเห็นตั้งแต่ครั้งแรกของรอบแบ่งกลุ่ม

เมื่อ คริสเตียน เอริคเซ่น กำเนิดสภาพการณ์หัวใจล้มเหลวฉับพลันกระทั่งวูบคาสนาม ในเกมที่ เดนมาร์ก แพ้ ฟินแลนด์ 0-1 เมื่อวันเสาร์ที่ 12 เดือนมิถุนายน ทำให้กลุ่มหมอจำเป็นต้องมากระทำการกู้ชีพตัวรุกจาก อินเตอร์ มิลาน ที่ข้างสนาม

โดยที่แฟนบอลทั้งโลกก็ต่างลุ้นและก็ให้กำลังใจผ่านหน้าจอทีวีกันแบบใจจดใจจ่อ ซึ่งในที่สุด เอริคเซ่น ก็รู้สึกตัวกลับมาได้สำเร็จ และก็จำเป็นต้องออกไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล สำหรับเรื่องราวดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วนั้น

แน่นอนเป็นสิ่งที่ไม่มีผู้ใดออยากให้เกิดขึ้น แม้กระนั้นมันก็มีโมเมนต์ที่น่าประทับใจสำหรับการที่หลายๆฝ่ายต่างช่วยยื้อชีวิตของ เอริคเซ่น จนกระทั่งกลับมาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช็อตที่ ซิมิง เคียร์ ที่ช่วยกระทำการดูแลรักษาพยาบาลเบื้องต้นก่อนที่

จะทีมแพทย์จะเดินทางมาถึงเพื่อช่วยชีวิตนักฟุตบอล กับสั่งให้ผู้ร่วมทีมตั้งกำแพงมนุษย์ล้อม เอริคเซ่น เพื่อไม่ให้ภาพนาทีชีวิตที่บีบหัวใจถูกถ่ายทอดออกไปสู่สาธารณชน ยิ่งไปกว่านี้ยังเป็นผู้ที่เข้าไปปลอบประโลม ซาบริน่า ภรรยาของ เอริคเซ่น ที่ตามเข้ามาเชียร์อยู่ในสนามด้วย

บรรยากาศกลับมาคึกคัก จากเหตุการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้นส่งผลเสียมาถึงแวดวงลูกหนังแบบเต็มๆโดยยิ่งไปกว่านั้นการห้ามให้มีแฟนๆเดินทางเข้ามาชมเกมในสนามของลีกแต่ละประเทศเพื่อให้มีความปลอดภัย บ้านผลบอล ภาษาไทย

น่าจดจำ

แวดวงฟุตบอลจะได้รับผลพวงจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

น่าจดจำ ซึ่งแน่นอนมันทำให้บรรยากาศการประลองมองเงียบกริบไม่มีชีวิตชีวาอย่างที่ต้องเป็น และก็จำเป็นต้องอยู่ในเหตุการณ์อย่างงี้มาเป็นนานแรมปี อย่างไรก็แล้วแต่ในศึกยูโรครั้งนี้พวกเราได้มองเห็นบรรยากาศเก่าๆเร่มกลับมาอีกที

เมื่อสมาพันธ์บอลยุโรป หรือ ยูฟ่า ได้อนุญาตให้แฟนบอลเข้าชมเกมได้ 25 เปอร์เซ็นต์ของความจุสนาม แม้กระนั้นก็มีบางสนามอย่างปุสกัส อารีน่า ประเทศฮังการี ที่ได้รับอนุญาติให้แฟนบอลเดินทางเข้าไปชมแบบเต็มปริมาตร

ส่วนในเกมนัดหมายชิงแชมป์ที่เวมบลีย์ ก็ได้รับอนุญาตให้มีคู่รักบอลเข้าชมเกมถึง 75 เปอร์เซ็นต์ เรื่องดังที่ได้กล่าวมาแล้วนั้นทำให้การจัดการชิงชัยในครั้งนี้นับว่าไปถึงเป้าหมาย ภายหลังศึกยูโรจำต้องเลื่อนมาจากปีที่ผ่านมา

เนื่องจากว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 การใช้วินิจฉัย การใช้เทคโนโลยี มาช่วยวินิจฉัยนั้นนับว่าเป็นดาบสองคม แล้วก็ได้รับการเฝ้ามองมหาศาลว่าการประยุกต์ใช้ในศึกยูโรเป็นครั้งแรกจะเป็นไปในแนวทางใด

ภายหลังจากบรรดาลีกใหญ่ๆในยุโรปต่างประยุกต์ใช้กันทั้งสิ้นแล้ว รวมทั้งมีปัญหาที่ยังจำต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไข อย่างไรก็ตามในทัวร์นาเมนต์นี้พวกเราจะมองเห็นได้ว่าการใช้ วินิจฉัยนั้นถูกใช้ในสถานะการณ์ที่มีเหตุผล

แล้วก็คณะทำงานผู้ตัดสินใช้เวลาพินิจพิจารณากันอย่างเร็วมีความถูกต้องแน่ใจถูกต้องแม่นยำ ซึ่งทำให้เกมดำเนินไปอย่างไหลลื่นและไม่กำเนิดดราม่าตามมาคราวหลัง รวมทั้งมันสวนกับในพรีเมียร์ลีก

อังกฤษ อย่างแจ่มแจ้งที่มักกำเนิดดราม่าให้มองเห็นอยู่ตลอด โดยยิ่งไปกว่านั้นการขีดเส้นล้ำหน้าจาก จากสถิติข้างหลังจบรอบแบ่งกลุ่มมีการเผยออกมาว่าแนวทางการย้อนดู ถูกใช้เพียงแต่ 12 ครั้งแค่นั้น

ซึ่ง 8 ครั้งเกี่ยวกับการแฮนด์บอลหรือล้ำหน้า แล้วก็ส่วนมากจะได้รับการวินิจฉัยภายในช่วงเวลาเพียงแค่ 30 วินาทีแค่นั้น โรนัลโด้ ไม่กินโค้ก! อีกหนึ่งสถานะการณ์นอกสนามที่แปลงเป็นไวรัลดังไปทั่วทั้งโลก

ซึ่งก็คือการที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซูเปอร์สตาร์ของทีมชาติโปรตุเกส จัดแจงย้ายขวดน้ำอัดลมแบรนด์ดังอย่าง โคคา-โคล่า ที่วางอยู่ข้างหน้าระหว่างการนั่งแถลงข่าวก่อนเกม ยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอฟ ที่กองทัพ “ฝอยทอง” มีคิวเจอกับ ฮังการี กับจับขวดน้ำดื่มขึ้นมา

พร้อมด้วยยกให้ทุกคนในงานมองเห็นแล้วกล่าวว่า “อะกัว” ซึ่งตามภาษาโปรตุเกสแล้วนั้นหมายความว่า “น้ำเปล่า” เนื่องจากว่าอยากสื่อให้ทุกคนควรจะดื่มน้ำไม่มากยิ่งกว่า จากสถานะการณ์ดังที่กล่าวมาข้างต้น

ทำให้เกิดผลกระทบอย่างหนักกับมูลค่าหุ้นของบริษัทน้ำอัดลม ด้วยเหตุว่าในขณะที่ตลาดค้าหุ้นในยุโรปเปิดค่าหุ้นของพวกเขาอยู่ที่โดยประมาณ 56.10 ดอลลาร์ (ราว 1,795 บาท)/หุ้น แต่เพียงเพียงแค่ 30 นาที

ภายหลังที่ โรนัลโด้ นั่งแถลงข่าว หุ้นบริษัทน้ำดำตกลงไป 55.22 ดอลลาร์ (ราว 1,767) /หุ้น โดยทันที ดังนี้ ภายหลังเหตุดังที่กล่าวถึงแล้วเกิดขึ้นก็กำเนิดความประพฤติปฏิบัติเอาอย่างโดยตลอดอีกทั้ง ปอล ป็อกบา ที่ยกขวดเบียร์ออก

ระหว่างนั่งแถลงข่าว ข้างหลังจบเกมที่กองทัพ “ตราไก่” ฝรั่งเศส เอาชนะ เยอรมัน 1-0 ระหว่างที่ มานู​เอล โลคาเตลลี่ เป็นผู้เล่นผู้ที่ 3 ที่แสดงออกว่าไม่ยินดีเครื่องดื่มน้ำดำด้วยเหมือนกัน ตราบจนกระทั่ง สมาพันธ์บอลยุโรป หรือ ยูฟ่า

จะต้องออกโรงเตือนบรรดานักฟุตบอลในศึกยูโร 2020 มีสิทธิ์โดนลงอาญาในเรื่องที่พากเพียรย้ายที่เครื่องดื่มที่เป็นผู้ช่วยเหลือหลักของทัวร์นาเมนต์นี้ ตอนที่นั่งแถลงข่าวทั้งยังก่อนรวมทั้งข้างหลังการประลอง

เกมแห่งประสิทธิภาพ ในศึกยูโรครั้งนี้ไม่ยอมรับไมได้ว่าพวกเราได้มองเห็นเกมที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพล้วนๆภายหลังบรรดาชาติเล็กๆต่างทำผลงานกันได้ดีเมื่อพบกับชาติที่เหนือกว่า รวมทั้งได้มองเห็นการทำประตูที่ถล่มทลายในเกมเดียว

จากสถิติระบุว่าทัวร์นาเมนต์นี้มีประตูเกิดขึ้นถึง 142 จาก 51 เกมที่ลงเล่น ซึ่งมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.79 ต่อเกมซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเท่าที่ยูโรเคยมีมา ทำลายสถิติเดิมในศึกยูโร 2000 ที่เคยมีค่าเฉลี่ยที่ 2.74 ประตูต่อเกม ซึ่งเมื่อไปเทียบกับสถิติในยูโร 2016 ครั้งปัจจุบันมีเกิดขึ้นเพียงแต่ 108 ประตู เฉลี่ยแล้วคิดเป็น 2.12 ต่อเกมแค่นั้น

ย้อนไปตอนวันที่ 28 เดือนมิถุนายน นับว่าเป็นเกมที่เปลี่ยนเป็นสถิติทำประตูมากทสุดในยูโรครั้งนี้เมื่อ สเปน เอาชนะ โครเอเชีย ได้ในช่วงทดเวลา 5-3 ภายหลังเท่ากันในเวลา 120 นาที 3-3 ซึ่งสกอร์ดังกลาวก็มาเกิดขึ้นอีกรอบในเกมที่ ฝรั่งเศส เสมอ สวิตเซอร์แลนด์ 3-3 ใน 90 นาที

น่าจดจำ ตอนที่เกมอื่นๆก็คงจะอยู่ในความจำของใครอีกหลายๆคนไม่น้อยอีกทั้งเกมที่ เยอรมัน ชนะ โปรตุเกส 4-2, เยอรมัน เสมอ ฮังการี 2-2, โปรตุเกส เสมอ ฝรั่งเศส 2-2, ฮอลแลนด์ ชนะ ยูเครน 3-2 รวมถึงเกมนัดหมายชิงแชมป์ที่สร้างความดราม่าเฉพาะหน้าแฟนบอล อังกฤษ ภายหลังจากแพ้ อิตาลี สำหรับในการดวลจุดลูกโทษ ชื่นมื่นทั้งคู่